วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

การเลือกตั้งประธานาธิบดี

การเลือกตั้ง

(Election)



การเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองการปกครอง

ตามหลักของระบบสหพันธรัฐที่ปรากฎในรัฐธรรมนูญ ได้แยกอำนาจการปกครองออกเป็น 2 ระดับคือ รัฐบาลระดับชาติ (National Government) และรัฐบาลระดับมลรัฐ(Several State Government) ซึ่งชาวอเมรกันเรียกว่า “ระบบสหพันธรัฐ” (Federal System) หมายถึง การปกครองร 2 ระดับ ดังกล่าวแต่บางครั้งเมื่อกล่าวถึงรัฐบาลสหพันธรัฐ (Federal Government) ความหมายที่แท้จริงก็คือรัฐบาลระดับชาติ(National Government)นั่นเอง

1.การเลือกตั้งระดับชาติ ( Federal Government)

การเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองในระดับชาติหรือรัฐบาลกลางแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การเลือกตั้งประธานาธิบดี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรส

1)การเลือกตั้งประธานาธิบดี ( Presidential Election)

(1)การเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี (Nomination the President : The Primaries)
กระบวนการเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากที่สุด คือ การหยั่งเสียงขั้นต้นในการหาชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพรรค (President Primary) ซึ่งผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะไปประชุมพรรคการเมืองในระดับชาติเพื่อทำการตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้แทนของพรรคเข้าสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี
ก. การหยั่งเสียงแบบปิด (Closed Primary) ปิดให้เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้นที่มีสิทธิเข้ามาหยั่งเสียง
ข. การหยั่งเสียงแบบเปิด (Open Primary) เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกผู้สมัครของพรรคใดก็ได้ตามความต้องการของตน
ค. การหยั่งเสียงแบบแบล็งเค็ท (Blanket Primary) เป็นการหยั่งเสียงแบบปิดอีกลักษณะหนึ่งที่ผู้ออกเสียงสามารถออกเสียงให้แก่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองได้มากกว่าหนึ่งพรรค
ง. การหยั่งเสียงแบบรันออฟ (Run-off Primary) บางมลรัฐมีการหยั่งเสียง 2 ระบบ ถ้าไม่มีผู้สมัครรรับเลือกตั้งคนใดได้รับเสียงข้างมากของการออกเสียงในการหยั่งเสียงครั้งแรก ผู้สมัครรับเลือกตั้งสองคนที่ได้รับคะแนนสูงสุดต้องแข่งขันกันอีกครั้งในการหยั่งเสียงครั้งต่อไปซึ่งเรียกว่า “Run-off Primary”

(2)การประชุมใหญ่ระดับชาติ (National Convention)
การประชุมระดับชาติเป็นการคัดเลือกผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะในการลงคะแนนเสียงครั้งแรก (the first ballot)
จุดมุ่งหมายของการประชุมระดับชาติ
ประการแรก เพื่อเลือกผู้แทนของพรรคส่งเข้าสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
ประการที่สอง เพื่อร่างนโยบายของพรรคในการรณรงค์เลือกตั้ง เช่น นโยบายเกี่ยวกับภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น

(3)การเลือกตั้งโดยคณะผู้เลือกตั้ง
จำนวนทั้งหมดของผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในคณะผู้เลือกตั้ง คือ 538 คน ประกอบด้วย สมาชิกสภาสูง 100 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 435 คน และอีก 3 คนมาจากดิสทริกท์ ออฟ โคลัมเบีย (District of Columbia) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกว่าวอชิงตัน ดี.ซี (Washington D.C.)
การคัดเลือกสมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง สมาชิกคณะผู้เลือกตั้งจะต้องไม่เป็นสมาชิกสภาสูงหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเจ้าหน้าที่ในองค์การของรัฐและรัฐวิสาหกิจ บัญชีรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง (State of President Elector) จะปรากฏในบัตรเลือกตั้งตามพรรคการเมืองที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงให้ โดยประชาชนจะต้องลงคะแนนเสียงแบบเป็นทีมจะเลือกเป็นรายบุคคลไม่ได้
การลงคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง คณะผู้เลือกตั้งทรงสิทธิที่จะลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครคนใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัครที่สังกัดพรรคเดียวกับตน
ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี จะต้องได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของคณะผู้เลือกตั้ง หรือ 270 คะแนนขึ้นไป ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ในกรณีที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดได้รับเสียงข้างมากจากคณะผู้เลือกตั้ง การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกตัดสินโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยเลือกจาผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ได้คะแนนสูงสุด 3 คน (ตัดสินจากคะแนนเสียงข้างมากของตัวแทนแต่ละมลรัฐ โดยแต่ละมลรัฐมี 1 เสียง) ส่วนการคัดเลือกรองประธานาธิบดีจะถูกตัดสินโดยสมาชิกสภาสูงซึ่งคัดเลือกระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้คะแนนสูงสุด 2 คน สมาชิกสภาสูงแต่ละคนมีหนึ่งเสียง
บทบาทของคณะผู้เลือกตั้ง คณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดในแต่ละมลรัฐถูกจำกัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งเฉพาะสำหรับผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรคของตนที่ได้รับเสียงข้างมากจากประชาชนเท่านั้น
การลงคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง ถ้าประชาชนในมลรัฐใดลงคะแนนเสียงข้างมากให้แก่ผู้สมัครคนใด ผู้สมัครที่ได้รับเสียงข้างมากจากมลรัฐนั้น (A Plurality) ก็จะได้คะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งจากมลรัฐทั้งหมดหมายความว่า “ผู้ชนะได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งในมลรัฐทั้งหมด”

จากการเลือกตั้งดังกล่าวทำให้ในบางโอกาสมีความเป็นไปได้ที่ผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแต่ไม่ได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน ดังนั้นจึงมีประธานาธิบดีที่ชนะการเลือกตั้งจากคณะผู้เลือกตั้งแต่ได้รับเสียงข้างน้อยจากประชาชนเป็นจำนวนมากในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา


และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลย่อๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ใครมีความคิดเห็นกันอย่างไรก็สามารถนำมาเสนอแลกเปลี่ยนกันนะคะ... และต่อไปจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรส จะมีวิธีการและรูปแบบแบบใดต้องคอยติดตามกันนะคะ

7 ความคิดเห็น:

  1. จากข้อมูลที่เกิดขึ้นในอเมริกานั้น การเลือกประธานาธิบดีของสหัรฐเองนั้น ถือได้ว่าจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร เพราะจะต้องมีการลงคะแนนเพื่อจะไปเลือกตั้งจริง แล้วยังจะต้องไปลงคะแนนโหวตเพื่อเป็นการหยั่งเสียงก่อนจะเลือกตั้งจริงอีก ตามความเข้าใจ น่าจะประมาณ 2 3 ครั้งเห็นจะได้ แล้วสุดท้ายคือการเลือกตั้งจริง อันนี้เป็นสิทธิของใครของมัน อาจจะไม่เหมือนกับที่ไปโหวตหยั่งเสียงก็ได้ ซึ่งนี้คือความยากของการเลือกตั้งในอเมริกา แต่พวกเขาก็ปลูกฝั่งความรู้ความเข้าใจในระดับการศึกษาคือมัธยม อันนี้จำไม่ได้ว่ามัธยมต้นหรือปลายนะ เพราะการปลูกฝั่งการเรียนรู้ที่ดีที่สุดอยู่ในอเมริกาคือ การสนับสนุนงบประมาณลงไปยังระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษาเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ ขอบคุณมากคับ

    ตอบลบ
  2. การเลือกตั้งของอเมริกา อ่านแล้วดูวุ่นวาย เลือกกันหลายขั้นตอน แต่ประชาชนของอเมริกาก็สนใจที่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อาจเป็นเพราะการปลูกฝังที่ดี

    ตอบลบ
  3. สำหรับผม ปัญหาว่าดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ ระบบแต่อยู่ที่ตัวบุคคล มากกว่าถ้าเราสามารถเปลี่ยนแนวคิด สร้างความแข็งแกร่ง ความอิสระ และความโปร่งใสให้กับองค์กรอิสระ ในการตรวจสอบองค์กรของรัฐได้ ระบบไหนๆ ผมว่าก็ดี สรุป เน้นเปลี่ยนทัศนะคติ ความโปร่งใส ของบุคคล มากกว่าระบบ

    ตอบลบ
  4. อ่านแล้วน่าสนใจคะ
    เห็นด้วยกับคอมเม้นข้างต้นๆ

    ดูวุ่นวายมากไปนิด แต่ประชาชนเค้าก้อสนใจ
    ใส่ใจไปเลือกตั้งกันนะคะ

    อยากให้คนไทย เปนแบบนั้นบ้าง

    ตอบลบ
  5. น่าสนใจดีนะคับ เนื้อหาเยอะดี แบ่งเป็นขั้นเป็นตอนในการเลือกประธาณาธิบดีของอเมริกา แต่ดูหลายขั้นตอนหน่อย

    ตอบลบ
  6. เปนอารายที่ดีมากเรยคร่า



    ชอบๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

    ตอบลบ