วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

การเลือกตั้ง


(Election)

การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองของนักการเมืองและเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมตัดสินว่าใครจะมาเป็นผู้ปกครองของตน นอกจากนี้การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งยังเป็นการให้สิทธิกับประชาชนในการกำหนดแนวโน้มของนโยบายที่จะมีผลต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและส่วนรวมของประชาชน

กลยุทธ์การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด คือ การชนะการเลือกตั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ปัญหาแรกที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องเผชิญ คือ การเลือกผู้จัดการของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และกลุ่มผู้ทำงานร่วมทีมเพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในประเด็นปัญหาต่างๆ ทั้งทางด้านการรณรงค์หาเสียง และการวางแนวนโยบายหาเสียง ผู้จัดการและหัวหน้าที่ปรึกษาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบวางแผนกลยุทธ์การหาเสียง ปัญหาคือการหาเงินทุนเพราะการรณรงค์หาเสียงในสหรัฐอเมริกาต้องใช้เงินมาก กลยุทธ์สำคัญในการสร้างโอกาสเพื่อการชนะการเลือกตั้ง คือการใช้ทุนน้อยทั้งในแง่งบประมาณและกำหนดการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องดำเนินการต่อไป

1. แหล่งที่มาของเงินทุนในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง การรณรงค์กาเสียงเลือกตั้งและเงินทุนในการหาเสียงเป็นสิ่งที่คู่กันในการเลือกตั้งของระบอบประชาธิปไตย การหาเงินทุนในการหาเสียงเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. ค่าใช้ต่ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ค่าใช้จ่ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่มีจุดประสงค์ถูกต้องตามกฎหมาย
3. กฎเกณฑ์ด้านการเงินในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
4. การตรวจสอบการใช้เงินในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

ในปี ค.ศ.1974 ได้มีการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งขึ้นใหม่ โดยสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินมีดังนี้
1) ด้วยความเห็นชอบของสภาคองเกรส ให้มีคณะกรรมการจักการเลือกตั้ง ทำหน้าที่จักระเบียบข้อกำหนดการใช้จ่ายเงินในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตำแหน่ง ประธานาธิบดี สมาชิกสภาสูง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2) ผู้สมัครทุกคนต้องรายงาน รายการรับเงินสนับสนุนและรายการค่าใช้จ่ายแก่รัฐบาล
3) ผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีที่ปรารถนาจะรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจะต้องใช้จ่ายเงินภายใต้วงเงินที่กำหนดไว้ตามระเบียบ
4) พรรคการเมืองระดับชาติที่ต้องการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวน 6 ล้านเหรียญ สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมระดับชาติ
5) พรรคการเมืองอาจใช้เงินในวงเงิน 7 ล้านเหรียญ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งตำแหน่ง ประธานาธิบดี และสมาชิกสภาคองเกรสโดยไม่รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล
6) พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงรองลงมา ที่มีผู้ลงคะแนนเสียงให้ร้อยละ 5ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี มีสิทธิที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง
7) บุคคลหรือองค์การมีอิสระในการใช้จ่ายเงินทีไม่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ของผู้สมัคร
8) ประชาชนสามารถให้เงินแก่ผู้สมัครในการเลือกตั้งขั้นต้น (Primary) แต่ละครั้งได้คนละ 1000 เหรียญ แต่ไม่เกิน 25000 เหรียญและในการเลือกตั้งทั่วไป (General) แต่ละครั้งไม่เกิน 50000 เหรียญ



กฎหมายการควบคุมการใช้เงินฉบับนี้ ทำให้ผู้สมัครหลายคนรวมทั้งประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์ ต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก ในปีค.ศ. 1984 เนื่องจากการใช้เงินในการหาเสียงเกินจากที่กฎหมายกำหนดโดยเฉพาะข้อหาการใช้เงินจากช่องโหว่ของกฎหมาย



3 ความคิดเห็น:

  1. การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเกิดขึ้นในทุกประเทศที่ได้ชื่อว่ามีประชาธิปไตยนำหน้า แม้ว่าที่แห่งนั้นจะเป็นประชาธิปไตยแบบจอมปลอมก็ตาม ซึ่ในแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันออกไปแต่นั้นก็ไม่สามารถระบุถึงวิธีการโกงได้ เพราะทุกประเทศมักจะมีช่องโหว่ของกฏหมายที่แตกต่างกัน เช่นในประเทศไทย การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถโกงได้ชนิดที่เรียกได้ว่า สะบั้นหั่นแหลก เพราะไม่มีกฏหมายออกมารองรับในด้านนี้ซักเท่าไหร่ แต่อยาไงในอเมริกาในทุกๆ มลรัฐจะต้องออกกฏหมายประเภทการปกครองส่วนท้องถิ่นค่อนข้างเยอะเป็นต้น

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อวันพุธ, มกราคม 28, 2552

    ยังไงๆการหาเสียงก็เพื่อต้องการชนะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความ

    ตอบลบ